คาร์บอนฟุตพริ้นท์สิ่งพิมพ์

7,297 คนเข้าชม

 

 

 

 

 

 

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตสิ่งพิมพ์และกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการใช้พลังงานการขนส่งและการกำจัด ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตบนโลก นับวันปัญหาดังกล่าวก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ก๊าซเรือนกระจกในที่นี้ประกอบด้วยก๊าซ 6 ชนิด ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)  มีเทน(CH4)  ไนตรัสออกไซด์ (N2O)  ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs ) เพอร์ฟลู-ออโรคาร์บอน (PFCs) และซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6)

ในทางปฏิบัติ การทำการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะแปลงค่าก๊าซทั้งหก ให้อยู่ในรูปของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (Carbon dioxide equivalent, CO2e) ทำให้ค่าที่ได้เรียกว่า คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) โดยแนวทางและหลักเกณฑ์การประเมินได้พัฒนาขึ้นโดยคณะกรรมการเทคนิคด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของประเทศไทย ภายใต้การดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (มหาชน) และศูนย์เทคโนโลยี โลหะและวัสดุแห่งชาติ  ซึ่งได้มีการจัดทำข้อกำหนดเฉพาะของผลิตภัณฑ์ (Product Category Rules: PCRs) สำหรับสิ่งพิมพ์ไว้แล้ว ใช้หลักการการประเมินตลอดวัฏจักรชีวิตของสิ่งพิมพ์ (Lifecycle Assessment: LCA) ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบกระบวนการผลิต การใช้งานและการกำจัดเศษซากผลิตภัณฑ์หลังการใช้งาน

 

รูปแบบการประเมิน

การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์สิ่งพิมพ์นี้ จะใช้รูปแบบ Business-to-Consumer (B2C) กำหนดขอบเขตดังรูปที่ 1 การพิจารณาแบ่งออกได้ 3 ส่วน ดังนี้

  1. ต้นน้ำ (upstream)  ครอบคลุมการได้มาของวัตถุดิบ (procurement) ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต เช่น กระดาษ หมึกพิมพ์ แม่พิมพ์ น้ำยาเคมี รวมถึงการขนส่ง
  2. ขั้นตอนการผลิต (production) ตั้งแต่การออกแบบ ทำแม่พิมพ์ พิมพ์ งานหลังพิมพ์ การบรรจุ และการจัดส่ง
  3. ปลายน้ำ (downstream)  หมายถึง การใช้งาน  การกำจัด (disposal) และการเวียนทำใหม่ (recycle)

การจัดเก็บข้อมูลแบ่งออกเป็นข้อมูลปฐมภูมิ (primary data) ที่ได้จากการสังเกตุและวัดในโรงพิมพ์โดยตรง กับข้อมูลทุติยภูมิ (secondary data) เป็นค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแต่ละองค์ประกอบที่อยู่ในขอบเขตการผลิตสิ่งพิมพ์นั้นๆ ซึ่งค่าที่ได้จะมาจากแหล่งข้อมูลอื่นที่น่าเชื่อถือ เช่น ฐานข้อมูลสิ่งแวดล้อมของวัสดุพื้นฐานและพลังงานของประเทศไทย หรือข้อมูลที่ตีพิมพ์โดยองค์กรระหว่างประเทศ

ตัวอย่างข้อมูลปฐมภูมิ ได้แก่ ปริมาณการใช้กระดาษ หมึกพิมพ์ แม่พิมพ์ การใช้ไฟฟ้าในงานก่อนพิมพ์ บนแท่นพิมพ์  และขั้นตอนการทำเล่ม ระยะทางในการขนส่ง

การคำนวณหาค่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนฟุตพริ้นท์ สิ่งพิมพ์ จะนำข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิของแต่ละองค์ประกอบที่ได้คูณกัน แล้วนำไปรวมกันเป็นค่าปริมาณรวมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังตัวอย่างค่าแสดงในตารางที่ 1 เป็นหนังสือเรียนเล่มหนึ่ง หนา 120 หน้า จำนวน 500 เล่ม เนื้อในกระดาษปอนด์พิมพ์ขาว-ดำ ปกพิมพ์ 4 สี ด้วยกระดาษอาร์ตมัน จากโรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ตารางที่ ข้อมูลแสดงสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของหนังสือเรียนเล่มหนึ่งจากโรงพิมพ์แห่งจุฬาฯ

ขั้นตอน

              ปัจจัย

ค่าสัมประสิทธิ์ CO2e

%

รวมปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2

%

การจัดหาวัสดุพิมพ์

และการใช้ (Procurement)

กระดาษปก 0.64 kgCO2/kg

2.3%

297.171 kg

43.6%

กระดาษเนื้อใน

0.98 kgCO2/kg

19.5%

หมึกพิมพ์

2.57 kgCO2/kg

0.9%

น้ำยาเฟาว์เทน

0.20 kgCO2/kg

0.0%

IPA

2.13 kgCO2/kg

0.0%

แม่พิมพ์

12.5 kgCO2/kg

20.9%

การผลิต – ใช้กระแสไฟฟ้า

(Production)

การทำแม่พิมพ์

0.43 kgCO2/kw

10.1%

340.556 kg

50.0%

ออกแบบ จัดหน้า ปรู๊ฟ

0.43 kgCO2/kw

17.1%

พิมพ์  0.43 kgCO2/kw

10.8%

ทำเล่ม

0.43 kgCO2/kw

11.7%

เคลือบปก อายมันยูวี

0.43 kgCO2/kw

0.3%

การจัดส่ง (Delivery)

การจัดส่ง-รถบรรทุก 4 ล้อ 7ตัน 50% load 0.28 ton-CO2/ km

0.1%

0.792 kg

0.2%

การกำจัดและเวียนทำใหม่(Disposal&Recycle)

การฝังกลบ

2.93 kgCO2/kg

5.0%

42.509 kg

6.2%

เวียนทำใหม่(กระดาษ)

0.17 kgCO2/kg

0.9%

เวียนทำใหม่(แม่พิมพ์)

3.16 kgCO2/kg

0.4%

รวม(kgCO2):

681.028 kg

100.0%

ต่อ เล่ม(kg-CO2):

1.36

หนังสือเล่มนี้ให้ค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 1.36 kg-CO2 ต่อหนังสือ 1 เล่ม จากข้อมูลที่ได้จะเห็นว่า  ขั้นตอนการผลิตจะให้ผลกระทบมากที่สุดถึงร้อยละ 50.0 โดยเฉพาะในส่วนของงานออกแบบและการปรู๊ฟ คิดเป็นร้อยละ 17.1 ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์  แสงสว่าง และเครื่องปรับอากาศในห้องทำงาน รวมทั้งเวลาที่ต้องใช้ทำงานหลายชั่วโมง ในขณะที่ขั้นตอนการทำแม่พิมพ์ ขั้นตอนพิมพ์ และการทำเล่ม ให้ผลพอๆกันไม่แตกต่างกัน ให้ค่าระหว่างร้อยละ 10-12 

ที่น่าสนใจ ขั้นตอนการจัดหาและการใช้วัสดุพิมพ์ก็ให้ผลกระทบต่อปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่น้อยเช่นกัน สูงถึงร้อยละ 43.6  ซึ่งกระดาษพิมพ์เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด รวมกันทั้งกระดาษปกและเนื้อในคิดเป็นร้อยละ 21.8  รองลงมาที่ให้ผลกระทบใกล้เคียงกันคือแม่พิมพ์ อยู่ที่ร้อยละ 20.1

ดังนั้น  การดำเนินงานเพื่อลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของสิ่งพิมพ์ จึงเป็นหน้าที่ของโรงพิมพ์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้แก่ โรงงานทำกระดาษ หมึกพิมพ์และสารเคลือบ  รวมถึงผู้บริโภคสิ่งพิมพ์ที่จะร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้  ที่น่าสนใจคือ คาร์บอนฟุตพริ้นท์นี้ ยังเป็นกลไกทางการตลาดในการกระตุ้นให้ผู้ผลิตพัฒนาสิ่งพิมพ์ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

 

 

สาระน่ารู้แนะนำ

เมนู

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า